เรือ ประมง เรือหางยาว มือสอง

หลายคนน่าจะเคยสงสัยว่า เรือ ทั้งหมดบนโลกของเรานี้ มีประเภทไหนและมีชื่อเรียกอย่างไรบ้าง วันนี้ทีมงาน Truck2Hand จะมาสรุปให้ฟัง ..

รายละเอียดของเรือประเภทต่างๆ

จากที่เกริ่นไว้ด้านบน ลองมาดูรายละเอียดของเรือแต่ละประเภท กันดีกว่าครับ เรือแต่ละประเภทนั้น เอาไว้ใช้ทำอะไรกันบ้างครับ

1. Aluminum Fishing Boat เรือประเภทนี้แม้จะเรียกกันว่า Aluminum Fishing Boat แต่เรือประเภทนี้ต้องเรียกว่าเป็นเรือสารพัดประโยชน์อีกประเภทนึงเลย ถ้าเปรียบเทียบกับรถก็ประมาณรถตู้อเนกประสงค์อะไรประมาณนั้น ภายในของเรือประเภทนี้มีการออกแบบหลากหลายมากๆ ตามแต่ผู้ใช้ต้องการ มีทั้งแบบขับข้างด้านเดียว หรือ Side Console แบบมีป้อม 2 ข้าง หรือ Dual Consoles หรือ แม้แต่แบบที่เป็น Tiller คือ ใช้เครื่องแบบถือหาง ตามแต่ที่เจ้าของเรือต้องการ ท้องเรือของเรือประเภทนี้เป็นการต่อยอดมาจาก Bass Boat แต่เค้าทำกาบให้สูงกว่า Bass Boat เพื่อที่จะทำให้คนนั่งได้มากขึ้น บางลำก็ใส่เสาด้านหลังเพื่อสามารถลากเวกได้ด้วย เรียกว่ามีลำเดียวไปได้ทุกงาน
2. เรือ Bass Boats เรือประเภทนี้เป็นเรือตกปลาสมรรถนะสูง ที่ออกแบบมาสำหรับตกปลา Bass โดยเฉพาะเค้าเลยทำให้กาบเตี้ยเพื่อที่จะทำให้สามารถจับตัวปลาขึ้นจากน้ำได้ง่าย เรือประเภทนี้ส่วนใหญ่จะมีที่นั่งแค่ 2 ที่เนื่องจากเค้าออกแบบมาเพื่อให้ยืนตีปลาได้ที่หัวเรือ และ ที่ด้านท้ายเรือ เรือ Bass Boats อย่างที่ผมบอกในตอนต้นว่าเรือประเภทนี้เป็นเรือตกปลาสมรรถนะสูงดังนั้นเค้าจึงออกแบบเรือให้สามารถแขวนเครื่องที่มีแรงม้าสูงๆ และ สามารถทำความเร็วได้สูงมากๆเพราะในการแข่งขันตกปลาที่เมืองนอก ใครที่เข้าถึงหมายได้ก่อนจะได้เปรียบคนอื่น นอกจากเรือประเภทนี้จะทำความเร็วได้สูงแล้ว คุณสมบัติเด่นอีกข้อของ Bass Boats คือ ความเสถียร เนื่องจากเค้าออกแบบให้สามารถยืนตีปลาทั้งที่หัวเรือ และ ด้านท้ายเรือ และ ตัวเรือมีกาบที่เตี้ยมากๆ เค้าเลยต้องออกแบบให้ท้องเรือมีความเสถียรมากๆ เพื่อป้องกันอันตรายจากการเดินตีปลาบนเรือ สรุปก็คือ Bassboat เป็นเรือตกปลาที่สมรรถนะสูง และ มีความเสถียรมากๆ
3. Bay/Flat Boats เรือประเภทนี้เป็นหนึ่งในเรือที่ได้รับความนิยมมากๆ ที่อเมริกา เรือประเภทนี้เป็นเรือที่ออกแบบมาสำหรับงานทะเลโดยเฉพาะ และ ส่วนใหญ่จะเป็น Center Console แต่ก็มีบางส่วนที่ออกแบบมาให้สามารถถือหางได้ด้วย เรือประเภทนี้เป็นเรือทะเลที่จะมีกาบที่เตี้ยกว่าเรือทะเลส่วนใหญ่ เพื่อที่จะทำให้สามารถเข้าที่น้ำตื้นๆได้ เช่นตามอ่าวปิด หรือ อ่าวน้ำตื้น ข้อเสียของเรือประเภทนี้คือ ท้องเรือไม่ได้ออกแบบมาสำหรับสู้คลื่น ดังนั้นถึงแม้จะเป็นเรือที่ออกแบบมาสำหรับงานทะเล แต่ด้วยความที่ท้องเรือไม่ได้ออกแบบมาให้สู้คลื่นได้ดีสักเท่าไหร่ดังนั้น เรือประเภทนี้ไม่ควรที่จะวิ่งห่างฝั่งมากนัก หรือ ควรจะวิ่งในอ่าวที่ค่อนข้างปิด และ ไม่มีกระแสลมแรง
4. Center Consoles เรือประเภทนี้เรียกได้ว่าเป็น Step Up จาก Bay/Flat Boats เป็นเรืออีกประเภทที่ได้รับความนิยมสูงมากๆ ตัวเรือตามชื่อของเค้าอยู่แล้วคือเป็นเรือที่มีป้อมขับอยู่ตรงกลาง สามารถวิ่งในทะเลได้ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับขนาด และ ความยาวของเรือด้วยนะครับ เรือประเภทนี้เป็นเรือตกปลาที่สามารถเอามาขับท่องเที่ยวได้อีกด้วย หน้าตาของเรือประเภทนี้จัดว่าเป็นหน้าตาพื้นฐานของเรือ ดังนั้นเวลาที่เราไม่ได้เอาออกไปตกปลาก็ใช้ขับท่องเที่ยวได้แบบสบายๆ ถ้าลำใหญ่ขึ้นมา ใต้คอนโซลมักจะมีห้องน้ำซ่อนอยู่ ทำให้สามารถจัดทริปยาวๆได้สบายๆ
5. Fish & Ski Boats เรือประเภทนี้เป็นเรือที่ออกแบบมาเป็นแบบผสมผสาน ระหว่าง Bass Boat และ Day Boat เรือประเภทนี้มีทั้งแบบที่เป็นไฟเบอร์กล๊าส และ แบบที่เป็นอลูมิเนียม ภายในของเรือประเภทนี้ บางลำก็ออกแบบคล้ายกับ Bow Rider คือมีที่นั่งที่หัวเรือ แต่ก็สามารถยกเบาะออกแล้วเอาเก้าอี้ตกปลาเสียบลงไปแทนได้ บางลำก็ออกแบบให้มีที่นั่งแบบโซฟาที่ด้านท้ายเรือ และ มีเสาสำหรับลากสกี ลากเวกที่ด้านท้ายเรือ เรียกว่าเป็นเรืออีกประเภท ที่ออกแบบมาสำหรับใช้วิ่งเล่นสนุกสนานกับครอบครัว
6. Bow Riders เรือประเภทนี้เป็นเรือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากเรือทุกประเภท เป็นเรือที่เหมาะสำหรับครอบครัวเพราะสามารถนั่งได้หลายคน และ เป็นเรือสารพัดประโยชน์อีกประเภทหนึ่ง ท้องเรือออกแบบมาให้สามารถสู้กับคลื่นได้ค่อนข้างดีกว่าที่เรือที่ออกแบบมาสำหรับตกปลา แต่ก็ต้องแลกกับความเสถียร ที่อาจจะไม่เสถียรเท่าเรือตกปลา ภายในเรือออกแบบมาให้มีที่นั่งด้านหัวเรือ เป็นรูปตัว V ตามลักษณะของหัวเรือ Bow Riders มีหลากหลายขนาดมากๆตั้งแต่ 16 ฟุต ไปยัน 40 กว่าฟุต
7. Deck Boats เป็นเรือที่มีความคล้ายกับ Bow Riders มากๆแต่เป็นเวอร์ชั่นที่ใหญ่ขึ้น ตัวเรือมีความกว้างกว่า Bow Riders ทำให้มีพื้นที่บนเรือมากกว่า บางรุ่นจัดพื้นที่บนเรือเกือบจะเหมือนกับ เรือ Pontoon เลย ตัวเรือมีน้ำหนักมากกว่า แต่ออกแบบให้ขึ้นลงได้ง่ายกว่า Bow Riders ท้องเรือส่วนใหญ่ของ Deck Boats จะทำเพื่อเน้นเรื่องน้ำหนัก และ การจัดวางบนเรือ ทำให้เวลาวิ่งนุ่มนวลกว่า Bow Riders แต่สู้คลื่นได้ไม่ดีเท่า
8. เรือ High Performance เรือประเภทนี้ออกแบบมาเพื่อความเร็วโดยเฉพาะ ตัวเรือจะมีรูปทรงที่โดดเด่นกว่าเรือประเภทอื่นๆ ถ้าเปรียบเทียบกับรถก็เหมือนรถซุปเปอร์คาร์อะไรประมาณนั้น คือ เน้นความเร็ว รูปร่างหน้าตา แต่ที่สำคัญที่สุดคือเรือประเภทนี้เป็นเรือที่ขับสนุก ทำความเร็วได้ดี และ สามารถสู้คลื่นได้ดีมากๆ
9. Water Sport Boats / Wake Surf Boats เรือประเภทนี้เป็นเรือที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับกีฬาทางน้ำ เหมาะสำหรับคนที่ชอบพาครอบครัว หรือ เพื่อนๆลงไปเล่นกีฬาทางน้ำ ท้องเรือออกแบบมาสำหรับการลากสกี ลากเวกบอร์ด หรือ โดนัท และ เครื่องเล่นอื่นๆ เรือประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่อง Inboard หรือ V Drive แต่ทุกวันนี้มีเรือประเภทนี้เริ่มมีหันมาใช้ Forward Drive กันมากขึ้นเพื่อความปลอดภัย
10. Pontoon Boats เรือประเภทนี้ถ้าจะพูดไปก็เหมือนกับเป็นห้องรับแขกลอยน้ำ ตัวเรือมีความกว้างมากๆ และ สามารถนั่งได้หลายคน มีพื้นที่จัดเก็บของได้เยอะมากๆ และ เป็นเรือที่ต้องบอกว่านั่งสบายมากๆ ในสมัยก่อน เค้านิยมใช้เรือประเภทนี้ในการขนของส่งของ ขนคน แต่ในสมัยนี้เรือประเภทนี้ได้มีการพัฒนาไปเยอะมากๆ นอกจากที่จะนั่งได้หลายคน ขนสัมภาระได้เยอะแล้ว ทุกวันนี้เค้าพัฒนาทั้งเรื่องความเร็ว รูปลักษณ์ภายนอก และ ประโยชน์การใช้สอย มีทั้งเอาไปต่อขึ้นมาเป็นห้องเหมือนบ้านลอยน้ำ ทำเป็นแพตกปลาเคลื่อนที่ หรือ แม้แต่ให้ลากเครื่องเล่นทางน้ำ
11. Cuddy Cabin Boats เรือประเภทนี้ตามชื่อของเค้าเลย คือ มีเคบิ้นเล็กๆที่ด้านหัวเรือ พอที่จะเก็บของได้เล็กๆน้อยๆ บางลำก็อาจจะมีห้องน้ำเล็กๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นห้องน้ำแบบเคลื่อนที่ หรือ ติดชักโคกแล้วเอาเบาะบังไว้ เป็นเรือที่เหมาะสำหรับเอาไว้วิ่งเล่นตอนกลางวันมากกว่าที่จะใช้พักค้างคืนสักเท่าไหร่ เนื่องจากตัวเคบิ้นค่อนข้างเล็ก แต่ก็พอเพียงสำหรับเอาไว้หลบฝนหลบแดด
12. Mid Cabin Cruisers เรือประเภทนี้ก็เหมือนกับ Upper Version ของ Cuddy Cabin Boats ตัวเรือส่วนใหญ่จะมีความยาวตั้งแต่ 24 – 40 ฟุต มีห้องนอน มีห้องน้ำ บางลำอาจจะมีห้องครัวเล็กๆ ด้วย เรียกว่าเป็นบ้านเคลื่อนที่เลยกว่าได้ เหมาะสำหรับครอบครัวเล็กๆ ที่ชอบผจญภัย ท่องเที่ยวตามเกาะแก่งมากๆ บนเรือมีเครื่องอำนวยความสะดวกไม่ต่างจากบ้านหลังเล็กๆเลย แต่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วพอสมควรเลย
13. Salon Style Boats เรือประเภทนี้เป็นกึ่งๆเรือยอร์ชแล้ว แต่การออกแบบของเรือประเภทนี้ มักจะจัดให้ส่วนนั่งเล่น ห้องครัว และ การขับอยู่ชั้นเดียวกันคืออยู่สูงกว่า Water Line ของเรือ แล้วส่วนด้านล่างจะเป็นส่วนที่ใช้สำหรับการนอน
14. Fly Bridges เรือประเภทนี้เป็นเรือที่จะมีส่วนการขับอยู่ด้านบนสุดของตัวเรือ คือ บนหลังคนของเคบิ้น เรือประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเรือแนวตกปลา เค้าทำส่วนบังคับเรืออยู่ด้านบนเพื่อให้มีทัศนวิสัยที่ดี มองได้ไกล สามารถมองเห็นฝูงปลาได้ชัดเจน จุดเด่นของเรือประเภทนี้ คือ เป็นเรือที่สู้คลื่นได้ดีมากๆ มีเคบิ้นที่ใหญ่มากๆเพราะส่วนขับไปอยู่ด้านบนของเรือ แต่ก็มีบางลำที่มีชุดขับเคลื่อน 2 จุด สามารถขับได้ทั้งจากบน Fly Bridge และ ในเคบิ้น
15. Trawler Boats เรือประเภทนี้เป็นเรือที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ หรือ บางคนก็เรียกว่าเรือยอร์ช แต่เป็นเรือยอร์ชที่หน้าตาอาจจะไม่เหมือนเรือยอร์ชทั่วๆไปสักเท่าไหร่ ด้วยความที่เป็นเรือที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เค้าเลยไม่เน้นความเร็วสักเท่า ทำให้ได้ความเสถียรของตัวเรือมาแทนที่ เป็นเรือขนาดใหญ่ที่นั่งนอนสบายมากๆ แม้เวลาที่ออกทะเลไกลๆ และ เจอคลื่นลมเรือประเภทนี้ก็ยังไปได้แบบสบายๆ

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก ThaiBoatClub.com มากครับ

Credit : https://thaiboatclub.com/boattypes/

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หากสนใจที่จะซื้อเรือแล้วละก็ ลองแวะไปดู เรือมือสอง สภาพดี ที่มีโพสขายมากมายหลายประเภทในเว็บไซต์ของ Truck2Hand.com ได้เลยนะครับ